Home | ซีรีส์การลงทุน | เมื่อแม่เลี้ยงเดี่ยวลุกมาเทรดหุ้นจนส่งลูกเรียนหมอ | Tasneem Mithaiwala
 

เมื่อแม่เลี้ยงเดี่ยวลุกมาเทรดหุ้นจนส่งเลี้ยงเรียนหมอ Tasneem Mithaiwala

เราต่างรู้ดีว่า อินเดียอาจจะยังคงมีการยึดถือเรื่องวรรณะ และบทบาทของสตรีบางท่านก็มีสถานะเป็นแค่ช้างเท้าหลังในสถาบันครอบครัว ผู้หญิงหลายคนถูกจำกัดศักยภาพจากสามี เป็นเพียงแค่แม่บ้าน หรือเป็นอะไรก็ได้แต่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง นั่นทำให้ผู้หญิงหลายท่านต้องพบกับปัญหาหลังถูกสามีทิ้งไป เช่นเดียวกับคุณ Tasneem Mithaiwala ที่ครั้งหนึ่งเธอก็ประสบปัญหาดังกล่าว หนำซ้ำยังต้องดูแลคุณแม่ที่ป่วยติดเตียง และลูกสาวอีกสองคน
แล้วอะไรทำให้เธอพลิกบทบาทชีวิตจากช้างเท้าหลังสู่ผู้นำครอบครัวและที่สำคัญเธอยังเป็นคนสำคัญในวงการเทรดเดอร์หญิงที่สร้างอิมแพคต่อสตรีหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวชาวอินเดียให้กลับมาเห็นคุณค่าของชีวิต Money Art จะพาไปฟังบทสัมภาษณ์ของเธอผ่านเว็บไซต์ Money control
———–
พื้นเพคุณ Tasneem Mithaiwala ไม่ได้เทรดหุ้นแต่แรก แต่เป็นเพราะหลังจากที่กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอก็มีปัญหาในงานประจำ ประกอบกับคุณม่ที่ป่วย และมีลูกสาวสองคน เธอจึงต้องหยุดอยู่บ้าน และมองหาโอกาสการด้านอาชีพ
“ในฐานะที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ฉันต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยและดูแลลูกสาว 2 คน คนโตกำลังเรียนแพทย์ ส่วนคนเล็กก็กำลังเรียนหนังสือ หลังออกจากงานประจำ ฉันเริ่มมองหาโอกาสในการทำงานจากที่บ้าน และก็พบว่าการเทรดคืออาชีพที่น่าสนใจ มันตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของตัวเอง จึงเริ่มศึกษามันทันที”
“ฉันเริ่มซื้อขายด้วยเงิน 5 แสนรูปี แต่เมื่อครบ 8 เดือน พบว่าเงินทุนลดลงเหลือ 1.75 แสนรูปี ตอนนั้นรู้สึกตกใจ และท้อแท้มาก ๆ แต่ฉันโชคดีที่ได้เพื่อนมาเตือนสติ เขาแนะนำว่า การซื้อขายสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนธุรกิจอื่น ๆ ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นธุรกิจ คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงความแตกต่างของธุรกิจ ศึกษาสภาพแวดล้อมของตลาดก่อนที่จะพรวดพราดเข้าไป”
และนี่เองที่ทำให้คุณ Tasneem Mithaiwala หยุดเทรดไป 1 ปี เพื่อมุ่งมั่น และศึกษาตลาด ช่วงแรก ๆ เธอเล่าว่าเป็นอะไรที่ลำบาก เพราะเธอจบทางด้านศิลปศาสตร์ แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านการเงิน เธอฉันจึงรู้สึกหนักใจกับตัวเลข “ฉันจำได้ว่า พอเรียนไปได้สามวัน ฉันก็วิ่งหนีออกจากห้องเรียน แต่ก็ได้คนที่คอยสอนเตือนสติ จนสามารถเข้าใจพื้นฐานตลาดได้ จากนั้นก็นั่งดูทั้งวันว่าตลาดมีพฤติกรรมอย่างไร แล้วก็จดใส่สมุด เพราะพฤติกรรมตลาด คือ สัญชาตญาณของตลาดแห่งนี้”
“จากนั้นฉันก็มุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้พื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิค โครงสร้างตลาด และอื่น ๆ มากกว่าเรื่องเงิน ฉันได้เรียนรู้ว่าคุณไม่สามารถเป็นเทรดเดอร์ได้ด้วยการอาศัยวิจารณญาณหรือสัญชาตญาณ มันเป็นเรื่องของการฝึกฝน และปฏิบัติตามกลยุทธ์ของคุณ เราต้องการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปไม่มีที่สิ้นสุด”
“ฉันค่อย ๆ เปลี่ยนจากการซื้อขายหุ้นเป็นออปชั่น ตอนแรกฉันเริ่มซื้อขายตัวเลือก Nifty และก็ย้ายไปซื้อขาย Bank Nifty ที่มีความผันผวนมากขึ้น และเทคนิคการซื้อขายของฉันจะเป็นแบบสวิงระยะสั้น และการเปิดปิด Position ในฟิวเจอร์ส”
“ฉันเทรดใน Timeframe m1 และเมื่อตลาดผันผวนจะไปดูใน Timeframe ที่สูงขึ้นนั่นคือ M15 โดยพื้นฐานแล้วฉันจะดูการเคลื่อนไหวของราคา และเทรดด้วยการใช้แนวรับแนวต้านเป็นหลัก แต่ทุกสิ่งที่สำคัญก็คือ ความแข็งแกร่งของจิตใจและวินัย หรือที่เรียกว่าจิตวิทยาในการเทรดคือหลักไมล์สำคัญของเทรดเดอร์ทุกประเภท”
“ในกรณีของตลาดที่มีความผันผวน ฉันจะใช้สัญญาณของจาก Exponential Moving Average (EMA) และ Average Directional Index (ADX) บางครั้งฉันยังใช้ FIB ATR (แถบ Fibonacci ที่มี Average True Range) ซึ่งให้สัญญาณที่ชัดเจนกว่ามาก แต่ทั้งนี้ทั่งนั้นฉันไม่เคยถือข้ามคืน การเทรดแบบวันต่อวันจะทำให้เคลียร์สมองและมุ่งมั่นการเทรดในวันรุ่งขึ้น”
“แต่พวกกำไรจำนวนมากจะมาจากการซื้อขายในช่วงวันที่สัญญาใกล้หมดอายุ มันเลยทำให้ฉันได้มีเวลาพักหากวันไหนวิเคราะห์แล้วว่าไม่ควรเข้าก็ไม่ต้องฝืน”
“ฉันคิดว่าผู้หญิงสามารถเป็นทำกำไรได้ดีผู้ชาย แม้ว่าการซื้อขายส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติ โดยผู้หญิงจะรอบคอบ เพราะผู้หญิงชาวอินเดียส่วนใหญ่ถูกครอบครัวเลี้ยงมาให้ละเอียดอ่อนและใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ เราได้รับการสอนเรื่องวินัย และเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ อะไรที่ไม่ใช่เราจะไม่ฝืน”
“ผู้หญิงเก่งในการจัดการสิ่งต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการบริหารเงิน(Money Management) และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ปัจจุบันฉันได้รับเกียรติให้ไปพูดสร้างกำลังใจให้กับเหล่าผู้หญิงหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลุกขึ้นมาสู้ชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุน”
“พวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่ให้ชีวิตมีคุณค่า มีความสุข และให้ความเคารพตัวเอง นี่คือสิ่งสำคัญที่ฉันอยากจะบอกกับผู้หญิงทุกคนที่เคยถูกมองว่าไร้ค่า แต่คุณยังมีคุณค่าเสมอ อย่าให้ใครมาปิดกั้นความสามารถ ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมา เพราะชีวิตยังมีสิ่งดี ๆ รออยู่เสมอ” คุณ Tasneem Mithaiwala กล่าวปิดท้าย
จะเห็นได้ว่าเรื่องราวของเธอเป็นหมุดหมายที่ดีที่ทำให้เรารู้จักความผิดพลาด การล้มแล้วลุก และที่สำคัญได้สอนให้เราเป็นตัวของตัวเอง นี่คือสิ่งสำคัญของมนุษย์หากขาดสิ่งนี้ไปก็เปรียบเสมือนไม้ในกระถางมีไว้ประดับอะไรและใครก็ได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมีทางเดียวที่จะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อทุบกระถาง ลงดิน โตเป็นไม้ใหญ่ ให้นกกาอาศัย ให้เกิดร่มเงาและร่มเย็นเหมือนที่คุณ Tasneem Mithaiwala ทำให้กับครอบครัวและสตรีชาวอินเดีย