Home | ซีรีส์การลงทุน | เรย์ ดาลิโอ ชายที่เสียทุกอย่างให้ตลาดหุ้นเพราะอัตตา
Ray Dalio เรื่องราวของชายที่เกือบหมดตัวในตลาดหุ้นเพราะอัตตาและอีโก้

เรย์ ดาลิโอ ชายที่เสียทุกอย่างให้ตลาดหุ้นเพราะอัตตา

ไม่มีใครไม่รู้จัก เรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัท Bridgewater Associates เขาคือชายที่ประสบความสำเร็จจนได้การยอมรับจากนักลงทุนทุกหัวระแหงที่ครั้งหนึ่งเคยเดินดุ่ย ๆ ไปในทำเนียบขาวช่วงปี 2007 แล้วบอกว่า “ฟองสบู่กำลังจะแตกครั้งใหญ่” แต่นั่นไม่มีใครเชื่อ จนสุดท้ายก็เกิดวิกฤติซับไพร์ม สถาบันยักษ์ใหญ่ทั้ง Lehman Brothers, Bear Stearns พบกับหายนะ ส่วนเรย์และลูกค้าของเขาก็รอดพ้นจากวิกฤติ เพราะระบบมาตรวัดความตกต่ำทางเศรษฐกิจที่เรย์เป็นคนสร้างมันขึ้นมา

ดังนั้นบทความนี้เราจะมาพูดถึงเส้นทางชีวิตของ เรย์ ดาลิโอ ที่บอกกับทุกคนว่า “แม้การยอมรับความจริงว่าตัวเองผิดพลาดจะทำให้เจ็บปวด แต่มันก็คือความจริงที่จะทำให้คุณแข็งแกร่ง”

คุณเคยได้ยินมุกตลก คนขับรถกลายเป็นเศรษฐีเพราะขับรถให้นักธุรกิจได้ไหมครับ วันหนึ่งเขามาบอกเจ้านายว่าผมขอลาออก ด้วยความที่ขับรถมาให้เป็นเวลาสิบปีเจ้านายเป็นห่วงเลยถามไปว่า ออกแล้วจะเอาเงินอะไรเลี้ยงดูครอบครัว คนขับรถคนนั้นก็ตอบมาว่า “ตอนนี้ผมรวยแล้วครับ!”

เจ้านายถามว่า คุณไปเอาเงินมาจากไหน คนขับรถตอบว่า ตลอด 10 ปี เวลาขับรถไปส่งเจ้านายผมจะแอบฟังว่า เจ้านายซื้อหุ้นตัวไหนบ้าง จากนั้นผมก็แอบซื้อตามมาตลอดสิบปี! นี่เป็นมุกตลกเก่าที่เล่นจนช้ำมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าในพล็อตมุกตลกที่ผมกล่าว มันช่างคล้ายกับเรื่องราวของ เรย์ ดาลิโอมากเหลือเกิน

ตอนอายุ 8 ขวบ(ช่วงยุค 60) เขาไปเป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟด้วยการแบกถุงกอล์ฟถุงละ 5 เหรียญให้เหล่านักลงทุน Wall Street แน่นอนว่า เหล่านักลงทุนจะแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องหุ้น เด็กชายเรย์ก็จะจดจำข้อมูลเหล่านั้น และเมื่ออายุถึง 12 ก็นำเงิน 300 ดอลลาร์ไปซื้อหุ้น Northeast Airlines เพราะเป็นหุ้นตัวเดียวที่ราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์ต่อหุ้น จนสุดท้ายก็ได้กำไร โดยที่เรย์ไม่เคยรู้เลยว่า Northeast Airlines กำลังจะล้มละลาย แต่กลับถูกซื้อกิจการทั้งหมดพอดี ทำให้เรย์ที่ได้กำไรก้อนแรกตกหลุมรักการลงทุน

“ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมซื้อหุ้นมากขึ้นเท่าไร ผมก็จะทำเงินได้มากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นกลยุทธ์ที่โง่มาก แต่ผมก็ได้ผลตอบแทนถึง 3 เท่าเพราะผมโชคดี” เรย์กล่าว และนับจากนั้นเขาก็เล่นเล่นหุ้นไปด้วยเรียนไปด้วย รู้ตัวอีกทีเขาก็เรียนจบ MBA ที่นั่นเขาได้เรียนเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Futures)ของพวกสินค้าโภคภัณฑ์ และเมื่อเรียนจบ พอร์ตของเขาก็เติบโต เพราะเขาเรียนไปด้วยเทรดไปด้วย

เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นเสมียนที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ต่อด้วยตำแหน่ง ผอ. ฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ที่ Dominick & Dominick (บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์) ก่อนจะย้ายไปทำที่ Shearson Hayden Stone (บริษัทหลักทรัพย์) ในฐานะเทรดเดอร์ แต่สุดท้ายก็โดนไล่ออกเพราะพฤติกรรมขั้นสุด อาทิ ต่อยเจ้านาย และอื่น ๆ ที่คุณจะพรรณาถึง ….

แต่กลายเป็นเวลา หลังจากที่ลูกค้ารู้ว่า เรย์โดนไล่ออก ลูกค้าที่อยู่ในมือก็ย้ายตามเขาไป จนตัดสินใจก่อตั้งบริษัท Bridgewater ปี 1975 ออฟฟิศนี้ตั้งอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ 2 ห้องนอน หน้าที่หลัก ๆ คือ การให้คำแนะนำการลงทุนกับลูกค้า โดยรายได้จะมาจากการเก็บเงินค่านายหน้าจากการขายกองทุน เขาใช้เวลาศึกษาและติดตามตลาด เพื่อพยายามเข้าใจกลไกของระบบทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

กระทั่งความมั่นใจในตัวเองก็ทำร้ายตัวเขาเองอย่างจัง เพราะเขาไปออกรายการ Wall Street Week และประกาศว่า “เศรษฐกิจสหรัฐปี 1982 กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย” เพราะเมื่อเม็กซิโกผิดชำระหนี้ในปีนั้น ธุรกิจสินเชื่อในอเมริกาต่างหยุดชะงักจากการให้กู้จำนวนมาก แต่ทว่า ผลลัพธ์มันกลับตรงข้ามกับคำกล่าวของเรย์ เพราะเศรษฐกิจกลับดี หนำซ้ำตลาดหุ้นก็พุ่งทะยาน

เรย์เขียนในหนังสือว่า “เหตุการณ์นั้นทำให้ผมเสียทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้กลับมามันมีคุณค่าต่อผมอย่างมาก เพราะมันทำให้เห็นว่าตนเองเป็นคนที่มีอีโก้มากจนมืดบอด และมันก็ทำให้ผมรู้จักจุดอ่อนตัวเอง”

“ผมเชื่อว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ต้องเผชิญหน้า คือ ความเปราะบางของอัตตาในการค้นหาจุดอ่อนและจุดแข็งของตนเอง” ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้เรย์เปลี่ยนไป เขาเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังมากขึ้น

“ความผิดพลาดของผมเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้น เพราะมันทำให้ผมมีความอ่อนน้อมถ่อมตน จนเปลี่ยนจากความคิดเดิมที่เชื่อเสมอว่า ผมถูก กลายเป็นผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมถูก”

สุดท้ายเขาหาคนที่เก่งกว่ามาร่วมงาน เพื่อช่วยหาข้อบกพร่องของตัวเอง จากนั้นก็ศึกษาข้อมูลตลาดและวิกฤติการเงินทั่วโลกย้อนหลังหลาย ๆ ประเทศ จนสุดท้ายก็เข้าใจกลไกเศรษฐกิจ เรียกได้ว่าเป็นการ Disruption ระบบการซื้อขายของบริษัทใหญ่ ๆ ในตลาด

และเมื่อปี 1985 บริษัทของเขาก็ได้ธนาคารมาเป็นลูกค้า รวมถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ แม้แต่บริษัท Kodak ยังมาเป็นลูกค้าของเขา และเรย์ก็ตัดสินใจเปิดตัวกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Pure Alpha ของตัวเองในปี 1991 ซึ่งไม่ผันผวนตามราคาตลาดด้วยกลยุทธ์กระจายสินทรัพย์ (Asset Allocation) ลดความเสี่ยงได้ สิ่งเหล่านี้ทำเงินมหาศาลให้กับเขา

ประสบการณ์ที่ผ่านมาจึงทำให้ เรย์ ดาลิโอ กลายเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของการลงทุน ในหนังสือสัมภาษณ์ของเรย์ ผู้คนมักจะถามว่า เขามีเทคนิคอะไรในการลงทุน เขาตอบว่า การฝึกสมาธิช่วยเราได้เสมอ เขาเดินทางไปอินเดีย เพื่อพบกับ Maharishi Mahesh Yogi และเรียนรู้วิธีการทำสมาธิ Transcendental Meditation เป็นการฝึกปฏิบัติของชาวอินเดียในสมัยโบราณ เพื่อเอาไว้ขจัดจิตใจที่เกิดจากความรู้สึกให้กลับมารับรู้ความจริง และเขายังศึกษาจิตวิทยาการเทรด

เขาพบว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดของเทรดเดอร์(เรย์) คือ “อัตตา” เพราะอัตตาจะสร้างความปรารถนาให้เรารู้สึกที่อยากจะพิสูจน์ว่า ตัวเองคิดถูกและคนอื่นผิด นี่คืออุปสรรคทางอัตตาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการลงทุน

ปัจจุบันที่เรย์ในวัย 70 กว่าปีก็กลายเป็นทั้งมหาเศรษฐี และครูต้นแบบให้นักลงทุนทุกรุ่นได้รู้จักการขจัดอัตตา การเข้าใจจุดอ่อน และศักยภาพของตัวเอง แม้ว่าการยอมรับความจริงว่าตัวเองผิดพลาดจะทำให้ตัวเองเจ็บปวด แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณแกร่งขึ้นในวันพรุ่งนี้