คืนเปลี่ยนชีวิต! รู้จักเศรษฐี Dogcoin กับ Glauber Contessoto
ในคืนวันที่ 15 เมษายน 2565 ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาได้เกิดเศรษฐี Dogecoin คนใหม่ขึ้น นั่นคือชายหนุ่มที่ชื่อว่า Glauber Contessoto “ผมจ้องหน้าจอทั้งคืน” คุณ Contessoto ในวัย 33 ปีได้บอกกับสำนักข่าว CNBC และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของเขากับการทุ่มสุดตัวในเหรียญ Dogecoin
เมื่อวันก่อนแอดมีโอกาสไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ CNBC เกี่ยวกับนักลงทุนคนหนึ่ง ที่รวยในคืนสงกรานต์ เขาเล่าว่า หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล คุณ Contessoto ก็ใช้เงินลงทุนมากกว่า $ 250,000 ใน dogecoin เขาเข้าซื้อมันเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ของปีนี้ ตอนนั้นราคาอยู่ที่ประมาณ 4.5 เซนต์
ผู้สื่อข่าวถามเขาว่า ทำไมคุณถึงซื้อ Dogecoin คำตอบของเขา มันไม่อาจอธิบายด้วยเหตุผลได้ เพราะเขาซื้อเพียงเพราะเขารู้สึกดี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เฝ้าตามเจ้าเหรียญนี้มาเป็นเวลานาน จนรู้ว่า ฐานของมันเริ่มเติบโตขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่วันแรกที่สร้าง Dogecoin ตอนปี 2013 ช่วงที่เขาเห็นมันครั้งแรกเขายังหัวเราะกับความหน้าตาของมัน เพราะไม่คิดว่าจะมีคนสร้าง แต่เมื่อเวลาเริ่มผ่านไป เหล่านักลงทุนก็เริ่มสร้าง Value ให้มันขึ้นเรื่อย ๆ
แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาสนใจเหรียญนี้จริง ๆ มันเกิดจากใครบางคน “เหตุผลที่ผมทุ่มเงินออมลงไปที่ Dogecoin เพราะ Elon Musk” ที่เอาแต่ทวีตซ้ํา ๆ เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล แม้ว่าจะยังไม่มั่นใจ ว่า Elon Musk ซื้อเหรียญนี้จริง ๆ หรือไม่ หรือเป็นเพียงการทวีตปั่นราคา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขาเชื่อในเหรียญ ๆ นี้
เหนืออื่นใดคุณ Contessoto เล่าว่า บ้านของเขายากจน จึงอยากจะสร้างฐานะให้ตัวเอง และที่สำคัญสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัวของเขา จึงทำให้เขาเอาเงินออมมาซื้อ Dogecoin
เขาบอกว่า การซื้อของเขาเป็นความเสี่ยง เพราะเขาไม่มีเงินทุนสำหรับซื้อขาย หากขาดทุนเมื่อไรชีวิตคือจบ การซื้อของเขาจึงไม่ต่างจากพนันเลยทีเดียว หนำซ้ำเขายังขายหุ้นทั้งหมดที่ถือ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น Tesla และหุ้น Uber แต่ที่ถือว่า(โคตร)เสี่ยงคือการลงทุนใน Margin โดยการยืมเงินจากแอพ Robinhood
(แอดขออธิบายหน่อยนะครับ การซื้อ Margin เป็นอะไรที่มีความเสี่ยงมาก เนื่องจากนักลงทุนจะใช้เงินที่ยืมมาเพื่อซื้อขายสินทรัพย์ หากนักลงทุนได้กำไรก็ดีไป แต่ถ้าผิดทางก็ถือว่า เสียหายอย่างหนัก เพราะนอกจากจะต้องชำระหนี้ที่ยืมมาและยังจะต้องจ่ายดอกเบี้ยคืนเช่นกัน)
ตอนนั้นเพื่อน ๆ ต่างเตือนไม่ให้ทำแบบนี้ เพราะมันเสี่ยงที่จะหมดตัวได้เลยทีเดียว เพราะจากข้อมูลของ Mike Novogratz ซีอีโอของ Galaxy Digital กล่าวว่า เหรียญ Bitcoin แตกต่างจาก dogecoin อย่างมากเนื่องจากเจ้าเหรียญนี้มีแค่คนสองคนที่ถือครองเหรียญ Dogecoin สูงถึง 30% ส่วน Bitcoin มีคนมากมายที่ถือเหรียญนี้ ดังนั้นเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดการปั่น หรือการเทขายอาจจะเกิดขึ้นได้น้อยกว่าเหรียญ Dogecoin เหรียญนี้จึงมีความเสี่ยงสูง
แต่ถึงอย่างนั้นคุณ Contessoto ก็ยังคงมุ่งมั่นแผนการลงทุนของเขา และตัดสินใจซื้อเหรียญนี้ทั้งหมดด้วยเงินที่มีในราคา 4.5 เซนต์ประมาณสองเดือนต่อมาในคืนวันที่ 15 เมษายนราคาของ Dogecoin เริ่มขยับเพิ่มขึ้น และในสัปดาห์นั้น dogecoin พุ่งขึ้น 400% และในวันที่ 16 เมษายน มูลค่าของเหรียญก็ขยับสูงขึ้นถึง 49 พันล้านดอลลาร์ตาม CoinGecko ในที่สุด Dogecoin ก็ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 45 เซนต์
เป็นผลให้ Dogecoin ของเขาเติบโตขึ้นมีมูลค่ามากกว่า $ 1 ล้าน จากนั้นวันต่อมาคุณ Contessoto ก็ทำการโพสต์บน reddit โดยเขียนว่า “เฮ้พวก ฉันเพิ่งกลายเป็นเศรษฐี Dogecoin ” และแนบภาพหน้าจอของการถือครอง dogecoin ของเขา พร้อมกับเงินทั้งหมดที่ $ 1,081,441.29 (ที่รวมทุนกับกำไร)แล้วมันกลายเป็นไวรัล (จนแอดต้องเอามาเขียน)
แต่คุณ Contessoto ไม่ได้ตั้งใจที่จะขายในเร็ว ๆ นี้ เขาบอกว่า “แผนของผมคือ เมื่อราคาขยับไปสู่ 10 ล้านเหรียญ ผมถึงจะค่อยเอาเงินออก 10%” เพราะเขาเชื่อว่า ” Dogecoin จะเติบโตต่อไป” และจากข้อมูลล่าสุดในวันอังคารที่ผ่านมา ราคาของเจ้าเหรียญ Dogecoin ขยับลงมาที่ประมาณ 28 เซนต์ โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ $ 36 พันล้าน ถึงแม้ราคาจะมีการลดลงคุณ Contessoto ยังคงโพสต์เหมือนเดิมประมาณว่า “ทะยานไปถึง $ 1 ล้าน”
เอาจริง ๆ นะครับ จุดเริ่มต้นของ Dogecoin ถูกสร้างขึ้นเพื่อล้อเลียนและเป็นเหรียญทางเลือกต่อจาก bitcoin โดยเกิดจากวิศวกรซอฟต์แวร์นามว่า Billy Markus และ Jackson Palmer
แม้ว่าเหรียญ Dogecoin จะกระชากราคาขึ้นสูงถึง 400% นั่นหมายถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ที่วันนี้อาจทำให้เราเป็นเศรษฐี แต่บางทีก็อาจทำให้เราหมดตัวได้เช่นกัน เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นก่อนลงทุนควรตั้งคำถามใหญ่ก่อนเสมอว่า เราจะรับความเสี่ยงได้แค่ไหน และที่สำคัญถ้าหากเงินก้อนนี้เป็นเงินทั้งชีวิต มันเป็นอะไรที่อันตราย ลองถามตัวเองว่า “ในหนึ่งชีวิตคุณล้มได้กี่ครั้ง ถ้าล้มได้น้อย ก็อย่าเสี่ยงเยอะ”