ข่าวการลงทุนในตลาดสากลรายสัปดาห์ที่ 1 – 5 สิงหาคม 2565
– เงินเฟ้อทั้วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาประเด็นนี้รับข่าวไปเยอะแล้วนักลงทุนเริ่มชินชากับการออกมาให้ความมเห็นของสมาชิคเฟดในการปรับอัตราดอกเบี้ย
– ทั่วโลกมีประแสปรับตัวสู่เศรษฐกิจซบเซา จากการปลดคนบ้าง , ลดพนักงานลงบ้าง เป็นต้น
ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังแก้ปัญหาค่าเงินอ่อนค่าเกินไป ถ้าประเทศไหนเงินสำรองเหลือนน้อยจะมีปัญหา รัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบ แต่ก็ไม่ได้สร้างความกังวลมากเท่าช่วงแรกๆ ที่เกิดสงคราม ส่วนประเทศจีนเริ่มประสบปัญหาหนี้สินภายใน รวมถึงการปิดเมืองในจีนยังมีอยู่
– กระแสข่าว CBDC ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่องสร้างแรงกดดันกับเหรียฐคริปโต ถ้าเกิดการแลกเปลี่ยกันได้โดยตรง ประเทศคนกลางอาจมีปัญหาได้ เช่น ใช้เอาเงินซื้อน้ำมั้นได้โดยตรงกับประเทศผู้ผลิตโดยไม่ต้องไปแลกเป็นเงินดอลลาร์ก่อน
ธุรกิจภารประชาชน โดยรวมแย่กันทั่วโลกแม้ว่าการประกาศผลประกอบการของตลาดหุ้นออกมาดีก็ตาม ส่วนประกาศแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งก็ได้ทยอยลดตัวเลขประมาณการอยุ่ต่อเนื่อง
– ประชุม FOMC หลัง US ประกาศอัตราดอกเบี้ย Fed แจ้งว่า ภาคการใช้จ่าย กับ การผลิตชลอตัว แต่การจ้างงานยังดีอยู่ และยังคงทยอยอลดการถือ พันธบัตร และ ตราสารตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) แม้ว่าอเมริกาอาจพูดได้ว่าเศรฐกิจแข็งแกร่ง แต่ภาคความเป็นอยุ่ภายในไม่ค่อยดีนัก
– Theme ลงทุนช่วงครึ่งปีหลังนี้ น่าจะไปเน้นที่ ราคา commodity ที่ทยอยปรับตัวขึ้น จากที่จะต้องมีการสต๊อกสินค้าไว้ก่อนการเข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงตลาดน่าจะมาโฟกัสเรื่อง ภาวะถดถอยที่จะทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยเป็นที่พักเงินของตลาด สังเกตุจาก ราคาก่อนหน้าประกาศอัตราดอกเบี้ย ทั้งราคาพันธบัตรสหรัฐ ค่าเงินเยน ค่าเงินสวิต รวมถึงทองคำ ทยอยปรับตัวขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงต่างได้รับปัจจัยบวกเล็กน้อยจากที่กระแสการปรับอัตราดอกเบี้ยไม่ได้กดดันเหมือนช่วงก่อนหน้า
– มุมมองส่วนตัว การปรับอัตราดอกเบี้ย ก็เหมือนอาวุธหนักอย่างหนึ่ง ให้ประเทศทั่วโลกที่บริหารหนี้ไม่ดีพอประสบปัญหาขึ้นซึ่งอเมริกาไม่มีใครกล้ามาตรวจสอบว่าตอนนี้ตัวเลขหนี้ที่ก่อขึ้นมากหรือน้อยเพียงใด นอกจากนี้พอเงินไม่พอก็ทำการพิมพ์เงินเพิ่มมาตลอด ด้วยเหตุนี้ อเมริกาจึงเป็นข้อได้เปรียบกับหลายๆ ประเทศที่ก่อหนี้ไว้ก่อนหน้า
– ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ไม่ใช่คนไม่มีเงิน ( Brandname ยังขายได้อยู่ ) เนื่องจากภาวะแบบนี้ไม่มีนักลงทุนอยากเอาเงินมาลงทุนแล้วจม ทำให้การลงทุนในธุรกิจต่างมีปริมาณลดลง ส่วนใหญ่รับรู้สถานการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงปี 2018-2019 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด ขณะนี้เงินลงทุนหมุนเวียนในระบบนั้นลดลง รอบของเงินที่จะหมุนไปอยู่ในมือของแต่ละคนก็น้อยลง จึงเป็นที่มาของคำว่า เศรษฐกิจถดถอย ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกกันมาก่อนแล้ว